The Legends of Automobile : ตอนที่ 29 Panhard et Levassor จ้าวแห่งตำนานนวัตกรรมยานยนต์ครั้งแรกของโลกแห่งฝรั่งเศส (ภาค 2)


By : C. Methas – Managing Editor

ปีค.ศ. 1895 Panhard et Levassor ได้ส่งรถลงแข่งขันในรายการ Paris-Bordeaux-Paris Race ซึ่งเป็นรายการแข่งขันยุคแรกเริ่มของการประลองความเร็วและสามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 รถแข่งยุคแรกของค่ายนี้วางเครื่องยนต์ ขนาด 1,205 ซีซี. ขับโดย Levassor ทำเวลารวมได้ 48.3/4 ชั่วโมงทำความเร็วเฉลี่ย 15 ไมล์ต่อชั่วโมง

ตามมาด้วย Arthur Krebs ที่ต่อมาได้มาเป็นผู้จัดการทั่วไปของค่ายรถแห่งนี้ในปีค.ศ. 1897 และร่วมงานจนถึงปีค.ศ. 1916 ค่ายผลิตรถยนต์แห่งฝรั่งเศสรายนี้ได้กลายเป็นบริษที่ใหญ่ที่สุดในโลกและทำกำไรได้มากที่สุดในโลกทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

ปีค.ศ. 1897 Emile Levassor ได้เสียชีวิตลง คาดว่าเป็นผลมาจากการประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำระหว่างการแข่งขันในรายการ Paris-Marseille-Paris เมื่อปีค.ศ. 1896

ช่วงระหว่างปีค.ศ. 1895-1903 Panhard et Levassor ประสบความสำเร็จในสนามแข่งหลายรายการด้วยการกวาดแชมป์ไปได้เกือบทั้งหมดที่ลงแข่งขัน ต่อมาได้พัฒนาเป็นรถยนต์ Panhard Rod ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของรถยนต์หลายรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง ในช่วงปีค.ศ. 1925 ได้ผลิตรถยนต์นั่งออกมาหลากหลายรุ่น จนกระทั่งยุติการผลิตลงในปีค.ศ. 1940 โดยได้คิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบวาล์วแบบ Knight Sleeve Valves ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก

ปีค.ศ. 1925 ได้สร้างสถิติความเร็วสูงสุดในโลกที่ความเร็วเฉลี่ย 185.51 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 115.26 ไมล์ต่อชั่วโมง รถยนต์วางเครื่องยนต์ ขนาด 4.8 ลิตรและในปีค.ศ. 1936 รถยนต์คันสุดท้ายก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางค่าย Panhard et Levassor ได้สร้างนวัตกรรมด้วยการออกแบบโครงสร้างแชสซีส์แบบโมโนค็อคขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก

หลังจากประสบปัญหาทางการเงินทางค่ายผลิตรถยนต์ Auverland ได้เข้ามาซื้อกิจการไป ต่อมาได้เข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของค่ายซีตรองอย่างเต็มรูปแบบในปีค.ศ. 1965 ภายหลังการรวมตัวกันระหว่างซีตรองกับเปอโยต์เป็นกลุ่ม PSA เมื่อปีค.ศ. 1974

เนื่องจากรถยนต์ยี่ห้อ Panhard et Lavassor เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมากกว่าชื่อยี่ห้อ Auverland รถยนต์ที่ผลิตออกมาใช้ชื่อ Auverland แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาด ในเวลาต่อมากลับไปใช้ชื่อยี่ห้อ Panhard เช่นเดิม

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ตั้งแต่ปีค.ศ. 1968 ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก Panhard et Levassor เป็น Panhard ได้ผลิตรถยนต์ออกมาหลายรุ่นด้วยกัน ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันสุดท้ายที่ Panhard ผลิตออกมาในปีค.ศ. 1967 ก่อนที่ไปสร้างรถบรรทุกป้อนให้กับค่ายซีตรองและตั้งแต่ปีค.ศ. 1968 เป็นต้นไปค่ายรถยนต์แห่งนี้ได้ผลิตรถยนต์สำหรับการทหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งผลิตออกมามากกว่า 18,000 คันเป็นรถน้ำหนักเบากว่า 10 ตันให้กับกองทัพต่าง ๆ กว่า 50 ประเทศ

By : C. Methas - Managing Editor

ปีค.ศ. 1895 Panhard et Levassor ได้ส่งรถลงแข่งขันในรายการ Paris-Bordeaux-Paris Race ซึ่งเป็นรายการแข่งขันยุคแรกเริ่มของการประลองความเร็วและสามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 รถแข่งยุคแรกของค่ายนี้วางเครื่องยนต์ ขนาด 1,205 ซีซี. ขับโดย Levassor ทำเวลารวมได้ 48.3/4 ชั่วโมงทำความเร็วเฉลี่ย 15 ไมล์ต่อชั่วโมง

ตามมาด้วย Arthur Krebs ที่ต่อมาได้มาเป็นผู้จัดการทั่วไปของค่ายรถแห่งนี้ในปีค.ศ. 1897 และร่วมงานจนถึงปีค.ศ. 1916 ค่ายผลิตรถยนต์แห่งฝรั่งเศสรายนี้ได้กลายเป็นบริษที่ใหญ่ที่สุดในโลกและทำกำไรได้มากที่สุดในโลกทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

ปีค.ศ. 1897 Emile Levassor ได้เสียชีวิตลง คาดว่าเป็นผลมาจากการประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำระหว่างการแข่งขันในรายการ Paris-Marseille-Paris เมื่อปีค.ศ. 1896

ช่วงระหว่างปีค.ศ. 1895-1903 Panhard et Levassor ประสบความสำเร็จในสนามแข่งหลายรายการด้วยการกวาดแชมป์ไปได้เกือบทั้งหมดที่ลงแข่งขัน ต่อมาได้พัฒนาเป็นรถยนต์ Panhard Rod ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของรถยนต์หลายรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง ในช่วงปีค.ศ. 1925 ได้ผลิตรถยนต์นั่งออกมาหลากหลายรุ่น จนกระทั่งยุติการผลิตลงในปีค.ศ. 1940 โดยได้คิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบวาล์วแบบ Knight Sleeve Valves ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก

ปีค.ศ. 1925 ได้สร้างสถิติความเร็วสูงสุดในโลกที่ความเร็วเฉลี่ย 185.51 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 115.26 ไมล์ต่อชั่วโมง รถยนต์วางเครื่องยนต์ ขนาด 4.8 ลิตรและในปีค.ศ. 1936 รถยนต์คันสุดท้ายก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางค่าย Panhard et Levassor ได้สร้างนวัตกรรมด้วยการออกแบบโครงสร้างแชสซีส์แบบโมโนค็อคขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก

หลังจากประสบปัญหาทางการเงินทางค่ายผลิตรถยนต์ Auverland ได้เข้ามาซื้อกิจการไป ต่อมาได้เข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของค่ายซีตรองอย่างเต็มรูปแบบในปีค.ศ. 1965 ภายหลังการรวมตัวกันระหว่างซีตรองกับเปอโยต์เป็นกลุ่ม PSA เมื่อปีค.ศ. 1974

เนื่องจากรถยนต์ยี่ห้อ Panhard et Lavassor เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมากกว่าชื่อยี่ห้อ Auverland รถยนต์ที่ผลิตออกมาใช้ชื่อ Auverland แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาด ในเวลาต่อมากลับไปใช้ชื่อยี่ห้อ Panhard เช่นเดิม

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ตั้งแต่ปีค.ศ. 1968 ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก Panhard et Levassor เป็น Panhard ได้ผลิตรถยนต์ออกมาหลายรุ่นด้วยกัน ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันสุดท้ายที่ Panhard ผลิตออกมาในปีค.ศ. 1967 ก่อนที่ไปสร้างรถบรรทุกป้อนให้กับค่ายซีตรองและตั้งแต่ปีค.ศ. 1968 เป็นต้นไปค่ายรถยนต์แห่งนี้ได้ผลิตรถยนต์สำหรับการทหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งผลิตออกมามากกว่า 18,000 คันเป็นรถน้ำหนักเบากว่า 10 ตันให้กับกองทัพต่าง ๆ กว่า 50 ประเทศ

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!