OMODA & JAECOO เผยทิศทางธุรกิจยั่งยืนด้วย ESG สร้าง“Super AI” – เชื่อม “คนกับรถ รถกับชีวิต” เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์สีเขียว


จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า มนุษย์กำลังเดินหน้าเข้าสู่ “สภาวะโลกเดือด” หรือ “Global Boiling” อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสภาพอากาศแบบรุนแรงสุดขั้ว ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อุณหภูมิมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ เร็ว ๆ นี้ OMODA & JAECOO ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ได้จัดงานแถลงข่าวด้านธุรกิจ หรือ OMODA & JAECOO Business Conference ณ เมืองอู๋หู ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ ภายใต้แนวคิด “New Energy, New Eco, New Era” ที่แลกเปลี่ยนทิศทางและแนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้า ระบบการทำงานอัจฉริยะ การผลิตคาร์บอนต่ำ และการเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับโลก ที่จะเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ มาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงผลงานการพัฒนาและวิสัยทัศน์สุดล้ำของ OMODA & JAECOO ด้านแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) และเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ ที่ถือเป็นความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกอย่างลึกซึ้ง และตอกย้ำจุดยืนหลักของ OMODA & JAECOO ในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในระดับโลก

นาย Yin Tongyue, Chairman ของ Chery Group กล่าวว่า “การแข่งขันในตลาดยานยนต์จะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่ง OMODA & JAECOO และ Chery Group ไม่กลัวในเกมการแข่งขันและความท้าทายครั้งนี้ เราหวังว่าพาร์ทเนอร์ของเราจะร่วมกันเดินหน้าเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ และร่วมสร้างปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ยั่งยืนไปกับเรา”

“Super AI” กับนวัตกรรมอัจฉริยะขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน

นาย Gao Xinhua, CTO ของ Chery Group เล่าว่า การปฏิบัติตามหลักการ ESG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นเสมือนการกำหนดอนาคตจากปัจจุบัน เทคโนโลยี นวัตกรรมและความก้าวหน้าจะเป็นตัวช่วยทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตทั้งหมดนั้นกลายเป็นจริง การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) จะนำพาโอกาสใหม่ ๆ มาให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ปรับเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้คนกับรถยนต์ รถยนต์กับชีวิต” และนำพาเราไปสู่ระบบนิเวศและโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เราได้เดินหน้าวิจัยและพัฒนายานยนต์และเทคโนโลยีอัจฉริยะของ OMODA & JAECOO อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีของเรา

นาย Zhang Guibing, the President of Chery International กล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่ก่อตั้ง OMODA & JAECOO แบรนด์มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้หลงใหลในความทันสมัยของเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่นี้ รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่ยังเป็นเครื่องบ่งบอกรสนิยมและรูปแบบการใช้ชีวิต แบรนด์ OMODA & JAECOO เกิดขึ้นจากความแตกต่าง แต่เราได้สร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้าไว้ด้วยกันให้เป็น “มากกว่ารถยนต์” โดยเราได้สร้าง “O-UNIVERSE” ที่เป็นจักรวาลคู่ขนานที่เชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงเข้าไว้ด้วยกัน ครอบคลุมทั้งปัจจุบันและอนาคต ตอบโจทย์ทุกจินตนาการของผู้ใช้งาน

โดยในงาน OMODA & JAECOO ได้โชว์ “O-UNIVERSE” ที่เป็นการใช้ Super AI เชื่อมโยงโลกเสมือนและโลกความจริงเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ่ายทอดผ่านโดรน OMODA & JAECOO ซึ่งในอนาคตโดรนเหล่านี้จะเข้ามาใช้งานร่วมกับรถยนต์อย่างใกล้ชิด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น นอกจากนี้ ยังมีโชว์สุนัขหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรีได้ ด้วยท่าทางที่มีชีวิตชีวาและน่ารัก ตลอดจนเต้นรำพร้อมเพรียงสม่ำเสมอ พร้อมเสียงเชียร์ต้อนรับจากแขกที่มาร่วมงานที่คับคั่ง อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ และหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ “Mornine” หุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ครั้งแรกของโลก ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยของ OMODA & JAECOO แต่ยังตอกย้ำว่า “O-UNIVERSE” จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้ขับขี่ที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการแต่ละบุคคลได้ในอนาคต

และในงาน Beijing International Auto Show 2024 ที่ผ่านมา OMODA & JAECOO ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม “GREEN OJ” ที่จะมาสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะในระดับโลกของแบรนด์ โดยมีผู้นำระดับโลกกว่า 10 คนเป็นสักขีพยาน ด้วยจุดแข็งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ และข้อได้เปรียบของระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ OMODA & JAECOO จึงมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อความยั่งยืนหลายประการ ทั้งการคุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำ การคุ้มครองพืชพรรณ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการความยั่งยืนทางทะเล

อย่างไรก็ตาม OMODA & JAECOO มุ่งเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรสีเขียวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และจะยังคงดำเนินการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นเสมือนความรับผิดชอบของพวกเราต่อเนื่องต่อไป เพื่อช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับผู้บริโภคทั่วโลกได้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ สร้างยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ด้วยรถยนต์พลังงานใหม่ และวิถีชีวิตใหม่เพื่อพวกเราทุกคน

แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) กับโครงการริเริ่มการปกป้องน้ำและทะเล

สำหรับแผนการพัฒนาแบรนด์ทั่วโลกของ OMODA & JAECOO นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้ขับขี่ในแต่ละพื้นที่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับข้อกำหนดด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ ESG อีกด้วย โดยแบรนด์ของเราได้เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบขององค์กรในระดับนานาชาติ มีการเปิดตัวโครงการ “Water and Marine Protection Initiative” ที่ถือเป็นคีย์สำคัญในการประชุม แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับพันธมิตรทางธุรกิจของ OMODA & JAECOO ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างแนวคิดการปกป้องสิ่งแวดล้อมแบบใหม่อีกขั้น

นาย Zhang Shengshan, Executive Vice President ของ Chery International เล่าถึงความสำเร็จภายใต้แนวคิดการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืนด้วยกรอบ ESG หรือการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อม ๆ กัน โดย ESG เป็นแนวทางประเมินความสามารถที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างครอบคลุมที่ทั่วโลกใช้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

“สำหรับ OMODA & JAECOO เราได้ประกาศยุทธศาสตร์ด้านสวัสดิการสาธารณะและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG ระดับโลก นอกจากเราจะร่วมยินดีกับความสำเร็จด้าน ESG ที่เราทำมาตลอดตั้งแต่อดีตแล้ว แต่เรามุ่งมั่นทำต่อไปในอนาคต เมื่อเราขยายตลาดไปสู่พื้นที่ใหม่มากมาย อาทิ ยุโรป เราก็จะยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG มากยิ่งขึ้น ให้มีความโดดเด่นขึ้น และครอบคลุมการพัฒนาในระบบนิเวศที่ยั่งยืนขึ้น พวกเราพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติเพื่อสร้างสรรค์ชุมชนในโลกให้ดียิ่งขึ้นร่วมกัน”

นาย Neil Bush, Chairman ของ Skytower Investment กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ESG และงาน CSR ในมุมมองของนักลงทุนจะเห็นได้ว่า องค์กรในระดับโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ให้ความสำคัญและลงมือปฏิบัติตามกรอบของ ESG ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจ การใช้กลยุทธ์ ESG ในการพัฒนาองค์กรและจัดการทรัพยากรบุคคลเพื่อสร้างความได้เปรียบ ยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจและสังคมให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างการมีส่วนร่วมเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา OMODA & JAECOO และพาร์ทเนอร์ ได้ดำเนินกิจกรรมด้านสวัสดิการสาธารณะที่หลากหลายทั่วโลก อาทิ การช่วยเหลือสัตว์ การสนับสนุนด้านการศึกษา การดูแลผู้สูงอายุ และกิจกรรมด้านมนุษยธรรม ตลอดจนกิจกรรมการปกป้องธรรมชาติและระบบนิเวศ เช่น การทำความสะอาดชายหาด และการคุ้มครองและฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยในเดือนเมษายนปีที่แล้ว OMODA & JAECOO ได้เปิดตัวกองทุน International Charity Fund โดยบริษัทจะบริจาคเงิน 10 ดอลลาร์ ต่อรถ 1 คันที่ขายได้ ให้กับกองทุนฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรมากขึ้น และในเดือนตุลาคม 2023 OMODA & JAECOO ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ International Union for Conservation of Nature (IUCN) เพื่อร่วมผลักดันความสำเร็จการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

นาย Charles Karangwa, Head of Nature-based Solutions Management Hub ขององค์กร IUCN เล่าว่า OMODA & JAECOO และ IUCN ได้ร่วมกันดำเนินโครงการปกป้องชายฝั่งเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และระบบนิเวศ Blue Carbon Ecosystem (BCE) ของป่าชายเลนและหญ้าทะเลโพซิโดเนีย ในแคว้นอันดาลูเซีย (Andalusia) ประเทศสเปน

สำหรับการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ OMODA & JAECOO ไม่เพียงนำเสนอการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ESG และกิจกรรมเพื่อสาธารณะเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและมีวิสัยทัศน์ในด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อโลกของเรา ท่ามกลางการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เราจะมุ่งสร้างคุณค่าจากความท้าทายและโอกาสที่มีอยู่ร่วมกัน และเมื่อมองไปในอนาคต OMODA & JAECOO จะยังคงรักษาคอนเส็ปต์ “In somewhere, for somewhere” เสริมจุดแข็งการพัฒนาในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง กระชับความร่วมมือทั้งในเชิงลึกและกว้างกับพันธมิตรหลายล้านราย นำไปสู่การสร้างสรรค์ “ผลิตภัณฑ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และ ระบบนิเวศใหม่” เพื่อให้บรรลุผลการพัฒนาที่ยั่งยืนสูงสุดต่อไป

เกี่ยวกับ Chery

Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน Chery มุ่งมั่นเสมอว่าจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 5,500 คน และก่อตั้งเทคโนโลยีองค์รวมและระบบ R&D ของผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีนี้ Chery ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เช่น Arrizo, Tiggo และแบรนด์ EXEED ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 9.5 ล้านคัน

Chery เป็นที่รู้จักในชื่อ “Technological Chery” นับตั้งแต่การก่อตั้งเพื่อที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นหลัก หลังจากกว่า 20 ปีที่ได้ศึกษาในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ Chery ได้สร้างความเป็นผู้นำด้วยแพลตฟอร์มประกอบรถยนต์สี่แห่ง ระบบย่อยทั่วไปห้าระบบ และ 7 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ New Energy Vehicle Integration (การบูรณาการยานพาหนะพลังงานใหม่), Vehicle Control Technology (เทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ), Battery Management and Battery System Design (การจัดการแบตเตอรี่และการออกแบบระบบแบตเตอรี่), PHEV System Design (การออกแบบระบบ PHEV), Lightweight Technology (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา), Intelligent Interconnection Design (การออกแบบการเชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ) และ Range Extension and Hydrogen Fuel Technology (เทคโนโลยีการขยายระยะและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)

ในด้านการผลิตอัจฉริยะ Chery ได้เปิดตัวกลยุทธ์ “CHERY LION” โดยค่อยๆ ศึกษาถึงต้นแบบอัจฉริยะครบวงจรของการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตลาด และการบริการ ตลอดจนบรรลุการผลิตจำนวนมากและการเปิดตัว L2.5 เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ สำหรับการขยายตลาดทั่วโลก Chery เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 80 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 10 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 1.95 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน

จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า มนุษย์กำลังเดินหน้าเข้าสู่ “สภาวะโลกเดือด” หรือ “Global Boiling” อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสภาพอากาศแบบรุนแรงสุดขั้ว ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อุณหภูมิมหาสมุทรสูงเป็นประวัติการณ์ เร็ว ๆ นี้ OMODA & JAECOO ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ได้จัดงานแถลงข่าวด้านธุรกิจ หรือ OMODA & JAECOO Business Conference ณ เมืองอู๋หู ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ ภายใต้แนวคิด “New Energy, New Eco, New Era” ที่แลกเปลี่ยนทิศทางและแนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้า ระบบการทำงานอัจฉริยะ การผลิตคาร์บอนต่ำ และการเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับโลก ที่จะเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ มาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงผลงานการพัฒนาและวิสัยทัศน์สุดล้ำของ OMODA & JAECOO ด้านแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) และเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ ที่ถือเป็นความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกอย่างลึกซึ้ง และตอกย้ำจุดยืนหลักของ OMODA & JAECOO ในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในระดับโลก

นาย Yin Tongyue, Chairman ของ Chery Group กล่าวว่า “การแข่งขันในตลาดยานยนต์จะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่ง OMODA & JAECOO และ Chery Group ไม่กลัวในเกมการแข่งขันและความท้าทายครั้งนี้ เราหวังว่าพาร์ทเนอร์ของเราจะร่วมกันเดินหน้าเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ และร่วมสร้างปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ยั่งยืนไปกับเรา”

“Super AI” กับนวัตกรรมอัจฉริยะขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน

นาย Gao Xinhua, CTO ของ Chery Group เล่าว่า การปฏิบัติตามหลักการ ESG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นเสมือนการกำหนดอนาคตจากปัจจุบัน เทคโนโลยี นวัตกรรมและความก้าวหน้าจะเป็นตัวช่วยทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตทั้งหมดนั้นกลายเป็นจริง การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) จะนำพาโอกาสใหม่ ๆ มาให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ปรับเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้คนกับรถยนต์ รถยนต์กับชีวิต” และนำพาเราไปสู่ระบบนิเวศและโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เราได้เดินหน้าวิจัยและพัฒนายานยนต์และเทคโนโลยีอัจฉริยะของ OMODA & JAECOO อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีของเรา

นาย Zhang Guibing, the President of Chery International กล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่ก่อตั้ง OMODA & JAECOO แบรนด์มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้หลงใหลในความทันสมัยของเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่นี้ รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่ยังเป็นเครื่องบ่งบอกรสนิยมและรูปแบบการใช้ชีวิต แบรนด์ OMODA & JAECOO เกิดขึ้นจากความแตกต่าง แต่เราได้สร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้าไว้ด้วยกันให้เป็น “มากกว่ารถยนต์” โดยเราได้สร้าง “O-UNIVERSE” ที่เป็นจักรวาลคู่ขนานที่เชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงเข้าไว้ด้วยกัน ครอบคลุมทั้งปัจจุบันและอนาคต ตอบโจทย์ทุกจินตนาการของผู้ใช้งาน

โดยในงาน OMODA & JAECOO ได้โชว์ “O-UNIVERSE” ที่เป็นการใช้ Super AI เชื่อมโยงโลกเสมือนและโลกความจริงเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ่ายทอดผ่านโดรน OMODA & JAECOO ซึ่งในอนาคตโดรนเหล่านี้จะเข้ามาใช้งานร่วมกับรถยนต์อย่างใกล้ชิด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น นอกจากนี้ ยังมีโชว์สุนัขหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรีได้ ด้วยท่าทางที่มีชีวิตชีวาและน่ารัก ตลอดจนเต้นรำพร้อมเพรียงสม่ำเสมอ พร้อมเสียงเชียร์ต้อนรับจากแขกที่มาร่วมงานที่คับคั่ง อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ และหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ “Mornine” หุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ครั้งแรกของโลก ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยของ OMODA & JAECOO แต่ยังตอกย้ำว่า “O-UNIVERSE” จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้ขับขี่ที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการแต่ละบุคคลได้ในอนาคต

และในงาน Beijing International Auto Show 2024 ที่ผ่านมา OMODA & JAECOO ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม “GREEN OJ” ที่จะมาสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะในระดับโลกของแบรนด์ โดยมีผู้นำระดับโลกกว่า 10 คนเป็นสักขีพยาน ด้วยจุดแข็งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ และข้อได้เปรียบของระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ OMODA & JAECOO จึงมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อความยั่งยืนหลายประการ ทั้งการคุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำ การคุ้มครองพืชพรรณ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการความยั่งยืนทางทะเล

อย่างไรก็ตาม OMODA & JAECOO มุ่งเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรสีเขียวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และจะยังคงดำเนินการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นเสมือนความรับผิดชอบของพวกเราต่อเนื่องต่อไป เพื่อช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับผู้บริโภคทั่วโลกได้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ สร้างยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ด้วยรถยนต์พลังงานใหม่ และวิถีชีวิตใหม่เพื่อพวกเราทุกคน

แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) กับโครงการริเริ่มการปกป้องน้ำและทะเล

สำหรับแผนการพัฒนาแบรนด์ทั่วโลกของ OMODA & JAECOO นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้ขับขี่ในแต่ละพื้นที่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับข้อกำหนดด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ ESG อีกด้วย โดยแบรนด์ของเราได้เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบขององค์กรในระดับนานาชาติ มีการเปิดตัวโครงการ “Water and Marine Protection Initiative” ที่ถือเป็นคีย์สำคัญในการประชุม แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับพันธมิตรทางธุรกิจของ OMODA & JAECOO ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างแนวคิดการปกป้องสิ่งแวดล้อมแบบใหม่อีกขั้น

นาย Zhang Shengshan, Executive Vice President ของ Chery International เล่าถึงความสำเร็จภายใต้แนวคิดการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืนด้วยกรอบ ESG หรือการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อม ๆ กัน โดย ESG เป็นแนวทางประเมินความสามารถที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างครอบคลุมที่ทั่วโลกใช้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

“สำหรับ OMODA & JAECOO เราได้ประกาศยุทธศาสตร์ด้านสวัสดิการสาธารณะและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG ระดับโลก นอกจากเราจะร่วมยินดีกับความสำเร็จด้าน ESG ที่เราทำมาตลอดตั้งแต่อดีตแล้ว แต่เรามุ่งมั่นทำต่อไปในอนาคต เมื่อเราขยายตลาดไปสู่พื้นที่ใหม่มากมาย อาทิ ยุโรป เราก็จะยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG มากยิ่งขึ้น ให้มีความโดดเด่นขึ้น และครอบคลุมการพัฒนาในระบบนิเวศที่ยั่งยืนขึ้น พวกเราพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติเพื่อสร้างสรรค์ชุมชนในโลกให้ดียิ่งขึ้นร่วมกัน”

นาย Neil Bush, Chairman ของ Skytower Investment กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ESG และงาน CSR ในมุมมองของนักลงทุนจะเห็นได้ว่า องค์กรในระดับโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ให้ความสำคัญและลงมือปฏิบัติตามกรอบของ ESG ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจ การใช้กลยุทธ์ ESG ในการพัฒนาองค์กรและจัดการทรัพยากรบุคคลเพื่อสร้างความได้เปรียบ ยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจและสังคมให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างการมีส่วนร่วมเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา OMODA & JAECOO และพาร์ทเนอร์ ได้ดำเนินกิจกรรมด้านสวัสดิการสาธารณะที่หลากหลายทั่วโลก อาทิ การช่วยเหลือสัตว์ การสนับสนุนด้านการศึกษา การดูแลผู้สูงอายุ และกิจกรรมด้านมนุษยธรรม ตลอดจนกิจกรรมการปกป้องธรรมชาติและระบบนิเวศ เช่น การทำความสะอาดชายหาด และการคุ้มครองและฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยในเดือนเมษายนปีที่แล้ว OMODA & JAECOO ได้เปิดตัวกองทุน International Charity Fund โดยบริษัทจะบริจาคเงิน 10 ดอลลาร์ ต่อรถ 1 คันที่ขายได้ ให้กับกองทุนฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรมากขึ้น และในเดือนตุลาคม 2023 OMODA & JAECOO ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ International Union for Conservation of Nature (IUCN) เพื่อร่วมผลักดันความสำเร็จการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

นาย Charles Karangwa, Head of Nature-based Solutions Management Hub ขององค์กร IUCN เล่าว่า OMODA & JAECOO และ IUCN ได้ร่วมกันดำเนินโครงการปกป้องชายฝั่งเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และระบบนิเวศ Blue Carbon Ecosystem (BCE) ของป่าชายเลนและหญ้าทะเลโพซิโดเนีย ในแคว้นอันดาลูเซีย (Andalusia) ประเทศสเปน

สำหรับการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ OMODA & JAECOO ไม่เพียงนำเสนอการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ESG และกิจกรรมเพื่อสาธารณะเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและมีวิสัยทัศน์ในด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อโลกของเรา ท่ามกลางการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เราจะมุ่งสร้างคุณค่าจากความท้าทายและโอกาสที่มีอยู่ร่วมกัน และเมื่อมองไปในอนาคต OMODA & JAECOO จะยังคงรักษาคอนเส็ปต์ “In somewhere, for somewhere” เสริมจุดแข็งการพัฒนาในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง กระชับความร่วมมือทั้งในเชิงลึกและกว้างกับพันธมิตรหลายล้านราย นำไปสู่การสร้างสรรค์ “ผลิตภัณฑ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และ ระบบนิเวศใหม่” เพื่อให้บรรลุผลการพัฒนาที่ยั่งยืนสูงสุดต่อไป

เกี่ยวกับ Chery

Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน Chery มุ่งมั่นเสมอว่าจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 5,500 คน และก่อตั้งเทคโนโลยีองค์รวมและระบบ R&D ของผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีนี้ Chery ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เช่น Arrizo, Tiggo และแบรนด์ EXEED ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 9.5 ล้านคัน

Chery เป็นที่รู้จักในชื่อ “Technological Chery" นับตั้งแต่การก่อตั้งเพื่อที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นหลัก หลังจากกว่า 20 ปีที่ได้ศึกษาในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ Chery ได้สร้างความเป็นผู้นำด้วยแพลตฟอร์มประกอบรถยนต์สี่แห่ง ระบบย่อยทั่วไปห้าระบบ และ 7 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ New Energy Vehicle Integration (การบูรณาการยานพาหนะพลังงานใหม่), Vehicle Control Technology (เทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ), Battery Management and Battery System Design (การจัดการแบตเตอรี่และการออกแบบระบบแบตเตอรี่), PHEV System Design (การออกแบบระบบ PHEV), Lightweight Technology (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา), Intelligent Interconnection Design (การออกแบบการเชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ) และ Range Extension and Hydrogen Fuel Technology (เทคโนโลยีการขยายระยะและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)

ในด้านการผลิตอัจฉริยะ Chery ได้เปิดตัวกลยุทธ์ “CHERY LION” โดยค่อยๆ ศึกษาถึงต้นแบบอัจฉริยะครบวงจรของการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตลาด และการบริการ ตลอดจนบรรลุการผลิตจำนวนมากและการเปิดตัว L2.5 เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ สำหรับการขยายตลาดทั่วโลก Chery เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 80 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 10 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 1.95 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!